ภิกษุ ท. ! ทางแห่งถ้อยคำที่บุคคลอื่นจะพึง
กล่าวหาเธอ ๕ อย่าง เหล่านี้ มีอยู่ คือ:-
๑. กล่าวโดยกาลหรือโดยมิใช่กาล
๒. กล่าวโดยเรื่องจริงหรือโดยเรื่องไม่จริง
๓. กล่าวโดยอ่อนหวานหรือโดยหยาบคาย
๔. กล่าวด้วยเรื่องมีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์
๕. กล่าวด้วยมีจิตเมตตาหรือมีโทสะในภายใน
ภิกษุ ท. ! เมื่อเขากล่าวอยู่อย่างนั้น ในกรณีนั้น ๆ
เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้ว่า
“จิตของเรา จักไม่แปรปรวน เราจักไม่กล่าว วาจาอันเป็นบาป
เราจักเป็นผู้มีจิตเอ็นดูเกื้อกูล มีจิต ประกอบด้วยเมตตา ไม่มีโทสะในภายใน อยู่, จักมี
จิตสหรคตด้วยเมตตาแผ่ไปยังบุคคลนั้น อยู่ และจักมี จิตสหรคตด้วยเมตตา
อันเป็นจิตไพบูลย์ ใหญ่หลวง ไม่มีประมาณ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท แผ่ไปสู่โลกถึงที่สุดจิตสหรคตด้วยเมตตาแผ่ไปยังบุคคลนั้น อยู่ และจักมี จิตสหรคตด้วยเมตตา
ทุกทิศทาง มีบุคคลนั้นเป็นอารมณ์ แล้วแลอยู่” ดังนี้.
ภิกษุ ท. ! เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้ แล.
ภิกษุ ท. ! ถ้าโจรผู้คอยช่อง พึงเลื่อยอวัยวะน้อยใหญ่ของใครด้วยเลื่อย
มีด้ามสองข้าง ผู้ใดมีใจประทุษร้ายในโจรนั้น
ผู้นั้นชื่อว่าไม่ทำตามคำสอนของเรา เพราะเหตุที่มีใจประทุษร้ายต่อโจรนั้น.
ภิกษุ ท. ! ในกรณีนั้น
เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้ว่า
“จิตของเราจักไม่แปรปรวน เราจักไม่กล่าววาจา
อันเป็นบาป เราจักเป็นผู้มีจิตเอ็นดูเกื้อกูล มีจิตประกอบด้วยเมตตา
ไม่มีโทสะในภายใน อยู่, จักมี จิตสหรคตด้วยเมตตาแผ่ไปยังบุคคลนั้น อยู่
และจักมีจิตสหรคตด้วยเมตตา อันเป็นจิตไพบูลย์ ใหญ่หลวง
ไม่มีประมาณ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท แผ่ไปสู่โลกถึงที่สุด
ทุกทิศทาง มีบุคคลนั้นเป็นอารมณ์ แล้วแลอยู่” ดังนี้.
ภิกษุ ท. ! เธอพึงทำการสำเนียกอย่างนี้แล.
ภิกษุ ท. ! เธอพึงกระทำในใจถึงโอวาทอัน
เปรียบด้วยเลื่อยนี้ อยู่เนือง ๆ เถิด.
ภิกษุ ท. ! เมื่อเธอทำในใจถึงโอวาทนั้นอยู่
เธอจะได้เห็นทางแห่งการกล่าวหาเล็กหรือใหญ่ ที่เธอ
อดกลั้น ไม่ได้ อยู่อีกหรือ ?
“ข้อนั้นหามิได้พระเจ้าข้า !”
ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุนั้นในเรื่องนี้ พวกเธอทั้งหลาย
จงกระทำในใจถึงโอวาทอันเปรียบด้วยเลื่อยนี้
อยู่เป็นประจำเถิด นั่นจักเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลและ
ความสุขแก่เธอทั้งหลายตลอดกาลนาน.
ม. ม. ๑๒/๒๕๕-๒๘๐/๒๖๗-๒๗๓.
พุทธวจน
ตอบลบ