ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! ก็อริยญายธรรม เป็นสิ่งที่อริยสาวกเห็นแล้วด้วยดี
แทงตลอดแล้วด้วยดี ด้วยปัญญา เป็นอย่างไรเล่า?
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! อริยสาวกในกรณีนี้ ย่อมกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย
เป็นอย่างดี ซึ่งปฏิจจสมุปบาทนั่นเทียว
ดังนี้ว่า
“ด้วยอาการอย่างนี้ : เมื่อสิ่งนี้มี, สิ่งนี้ย่อมมี;
เพราะความเกิดขึ้นของสิ่งนี้, สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น.
เมื่อสิ่งนี้ไม่มี, สิ่งนี้ย่อมไม่มี;
เพราะความดับไปของสิ่งนี้, สิ่งนี้จึงดับไป, สิ่งนี้จึงดับไป :
ข้อนี้ได้แก่สิ่งเหล่านี้คือ :-
เพราะมีอวิชชา เป็นปัจจัย จึงมี สังขารทั้งหลาย;เพราะมีสังขาร เป็นปัจจัย จึงมี วิญญาณ;เพราะมีวิญญาณ เป็นปัจจัย จึงมี นามรูป;เพราะมีนามรูป เป็นปัจจัย จึงมี สฬายตนะ;เพราะมีสฬายตนะ เป็นปัจจัย จึงมี ผัสสะ;เพราะมีผัสสะ เป็นปัจจัย จึงมี เวทนา;เพราะมีเวทนา เป็นปัจจัย จึงมี ตัณหา;เพราะมีตัณหา เป็นปัจจัย จึงมี อุปาทาน;เพราะมีอุปาทาน เป็นปัจจัย จึงมี ภพ;เพราะมีภพ เป็นปัจจัย จึงมี ชาติ;
เพราะมีชาติ เป็นปัจจัย ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน :
ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี
ด้วยอาการอย่างนี้. ... ... (ต่อไปได้ตรัสปฏิจจสมุปบาทฝ่ายนิโรธวารไปจนจบ)”.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! อริยญายธรรมนี้แล เป็นสิ่งที่อริยสาวกเห็นแล้วด้วยดี
แทงตลอดแล้วด้วยดี ด้วยปัญญา.