วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

น้ำติดก้นกะลา

น้ำติดก้นกะลา๑


“ราหุล ! เธอเห็นน้ำที่เหลืออยู่นิดหนึ่งที่ก้นภาชนะนี้หรือ ?”
“เห็นแล้ว พระเจ้าข้า !”
“ราหุล ! นักบวชที่ไม่มีความละอายในการแกล้งกล่าวเท็จ ทั้งที่รู้
อยู่ว่าเป็นเท็จ ก็ มีความเป็นสมณะนิดเดียว เหมือนน้ำที่เหลืออยู่ที่ก้นภาชนะนี้
ฉันนั้น”

พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงสาดน้ำนั้นเทไป (ด้วยอาการที่น้ำจะเหลือติดอยู่ได้น้อยที่สุดเป็นธรรมดา) แล้ว
ตรัสว่า :-
“ราหุล ! เธอเห็นน้ำที่ถูกสาดเทไปแล้ว มิใช่หรือ ?”
“เห็นแล้ว พระเจ้าข้า !”

“ราหุล ! นักบวช ที่ไม่มีความละอายในการแกล้งกล่าวเท็จ ทั้งที่รู้อยู่
ว่าเป็นเท็จ ก็ มีความเป็นสมณะ เหลืออยู่น้อย เหมือนน้ำที่สักว่าเหลือติดอยู่ตาม
ภาชนะ (หลังจากที่สาดเทออกไปแล้วโดยแรง) นี้ ฉันนั้น”.


พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงคว่ำภาชนะน้ำนั้นแล้ว ตรัสว่า :-
“ราหุล ! เธอเห็นภาชนะที่คว่ำอยู่แล้วนี้ มิใช่หรือ ?”
“เห็นแล้ว พระเจ้าข้า !”
“ราหุล ! นักบวชที่ ไม่มีความละอายในการแกล้งกล่าวเท็จ ทั้งที่รู้อยู่ว่า
เป็นเท็จ ก็ มีความเป็นสมณะ เท่ากับน้ำที่เขาคว่ำภาชนะเสียแล้วอย่างนี้ ฉันนั้น”

พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงหงายภาชนะนั้นขึ้นมาดูแล้ว ตรัสว่า :-
“ราหุล ! เธอเห็นภาชนะอันว่างจากน้ำนี้แล้ว มิใช่หรือ ?”
“เห็นแล้ว พระเจ้าข้า !”
“ราหุล ! นักบวช ที่ไม่มีความละอายในการแกล้งกล่าวเท็จ ทั้งที่รู้อยู่
ว่าเป็นเท็จ ก็ มีความเป็นสมณะ เท่ากับความว่างเปล่าของน้ำในภาชนะนี้
ฉันนั้นเหมือนกัน_ _ _ฯลฯ _ _ _”

“ราหุล ! เรากล่าวว่า กรรมอันลามกหน่อยหนึ่ง ซึ่งนักบวชที่ไม่มี
ความละอายในการแกล้งกล่าวเท็จ ทั้งที่รู้อยู่ว่าเป็นเท็จ จะทำไม่ได้
หามีไม่. เพราะฉะนั้น ในเรื่องนี้ เธอทั้งหลาย พึงสำเหนียกใจไว้ว่า
‘เราทั้งหลายจักไม่กล่าวมุสา แม้แต่เพื่อหัวเราะกันเล่น’ ดังนี้. ราหุล !
เธอทั้งหลายพึงสำเหนียกใจไว้อย่างนี้”.
“ราหุล ! กระจกเงามีไว้สำหรับทำอะไร ?”
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! กระจกเงามีไว้สำหรับส่องดู พระเจ้าข้า !”
“ราหุล ! กรรมทั้งหลาย ก็เป็นสิ่งที่บุคคลควรสอดส่องพิจารณาดูแล้ว ๆ
เล่า ๆ เสียก่อน จึงทำลงไปทางกาย, ทางวาจา, หรือทางใจ ฉันเดียวกับกระจก
เงานั้นเหมือนกัน”.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น